|
วิธีการประหยัดพลังงานง่ายๆในการเดินทาง
-
ใกล้ๆ..ไม่ไกลจนเกินไป..ควรเดินไป..ไม่ใช้รถ..หรือจะใช้รถจักรยานแทนก็ได้
เป็นการออกกำลังกายไปในตัว
- ควรวางแผนเส้นทางก่อนเดินทางเพื่อเลือกทางที่ใกล้ที่สุด
หรือใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงาน
หรือลดความสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงต่อวันลงได้รวมทั้งลดเวลาในการเดินทาง
- หากที่พักของเราใกล้กับที่ทำงานในระยะทางที่สามารถใช้
รถโดยสารประจำทางได้สะดวกก็ควรหันมาใช้รถประจำทางให้มากขึ้น
|
- ถ้าต้องเดินทางจากที่พักถึงที่ทำงานเป็นระยะทางไกลๆทุกวัน
ควรจะรู้เส้นทางลัดหรือเส้นทางที่มีสัญญาณไฟจราจรหรือมีทางแยกน้อยที่สุด
-
หลีกเลี่ยงเวลาเดินทางไป-กลับระหว่างที่พักกับที่ทำงานในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัด
- เมื่อต้องเดินทางระยะไกล เช่น ไปต่างจังหวัด
หากไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ควรหันมาใช้รถโดยสารประจำทาง
หรือรถไฟ
- หมั่นตรวจสอบสภาพรถ ตลอดเวลาและก่อนการเดินทางไกล
|
|
การตรวจสอบเครื่องยนต์หรือสภาพรถก่อนการเดินทาง
ควรตรวจสอบเครื่องยนต์สม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด
เพราะจะทำให้เรารู้สมรรถนะของเครื่องยนต์
และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเวลาและเพิ่มทความปลอดภัย
ซึ่งระบบที่ควรตรวจสอบมีดังนี้
1. ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง
จากระบบนํ้ามันเชื้อเพลิง
เราสามารถสังเกตและตรวจสอบสาเหตุของการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติอย่างง่ายๆดังนี้
น้ำมันรั่วหรือไม่
ให้สังเกตจากบริเวณพื้นถนนใต้รถที่จอดอยู่
หากพบว่ามีรอยเปียกของน้ำมันหรือได้กลิ่นน้ำมันซึ่ง
อาจจะรั่วจากข้อต่อในระบบท่อ ให้ดำเนินการซ่อมโดยเร็ว
ไส้กรองอากาศตันหรือไม่
ควรทำความสะอาดไส้กรองอากาศอย่างสม่ำเสมอหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อหมดอายุการใช้งาน
ไส้กรองอากาศที่สกปรกทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก |
2.ตรวจความเร็วรอบเดินเบา
ถ้าความเร็วรอบของเครื่องยนต์ในจังหวะเดินเบาสูงเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น
ควรปรับความเร็วรอบให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของผู้ผลิต
แต่ถ้าไม่มีข้อมูลดังกล่าวควรปรับรอบที่
ประมาณ 800 รอบต่อนาที หรือในระดับที่เครื่องยนต์ทำงานเรียบที่สุด
สำหรับเครื่องยนต์ที่มีระบบการจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด
หากมีปัญหาเกี่ยวกับความเร็วรอบ
ของเครื่องยนต์ขณะเดินเบา
ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิตให้เป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้โดยตรง
|
3. ตรวจระดับน้ำมันในห้องลูกลอย
ในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์ที่ใช้คาร์บูเรเตอร์
ทำหน้าที่ปรับส่วนผสมน้ำมันกับอากาศนั้น
สาเหตุที่ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นจากปกติอีกประการหนึ่ง
คือการไหลล้นของน้ำมันจากคาร์บูเรเตอร์
ซึ่งเกิดจากระดับน้ำมันในห้องลูกลอยสูงกว่าระดับปกติโดยสามารถสังเกตูได้ง่ายจากหน้าต่างกระจกของห้องลูกลอย
ควรให้ช่างผู้ชำนาญแก้ไขโดยเร็ว
นอกจากข้อสังเกตต่างๆในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้ดังกล่าวมาข้างต้น
ปัญหาด้านอื่นที่เรายังสามารถ สังเกตได้ง่าย
อีกอย่างหนึ่งคือระบบจุดระเบิดที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งมีผลต่อการเผาไหม้ของส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ
ถ้าระบบจุดระเบิดส่วนผสมของเชื้อเพลิงและอากาศเร็วเกินไปจะทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์น๊อค
แต่ถ้าระบบ จุดระเบิดช้าเกินไป จะทำให้กำลังงานที่ได้ลดลง
และมีผลทำให้กินน้ำมันมากขึ้นด้วย หากรถยนต์มีอาการดังกล่าว
ควรรีบแก้ไขโดยเร็ว |
|
การเตรียมพร้อมก่อนการเดินทาง
การมีข้อมูลที่พร้อมสำหรับการเดินทางเป็นวิธีหนึ่งที่ลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ได้เป็นอย่างมากและเป็นการเพิ่มความปลอดภัยด้วย
- เตรียมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของจุดหมายปลายทาง
หรือสถานีตำรวจในเส้นทางที่ผ่าน กรณีฉุกเฉินหรือหลงทาง
- เตรียมแผนที่เส้นทาง เพื่อป้องกันการหลงทางและการสิ้นเปลืองนั้ามัน
- ตรวจสอบเส้นทางและเลือกเส้นทางลัด หรือเส้นทางที่เหมาะสม
แต่ถ้าหากเส้นทางลัดมีผิวถนนไม่เรียบ การขับรถบนถนนจะประหยัดน้ำมันกว่า
- ตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ ให้อยู่ในระดับที่กำหนด
และมีน้ำกลั่นสำรองประจํารถ
- ตรวจสอบระดับนํ้ามันเครื่อง
ให้อยุ่ในระดับที่กำหนดหากปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้ง หรือต่ำกว่าขีดกำหนด
เครื่องยนต์จะเสียหายมาก ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงแก้ไขจะสูงมาก
- ตรวจสอบไฟฉายประจำรถ ยังใช้งานได้ดีหรือไม่
ถ่ายแบตเตอรี่หมดอายุหรือไม่
- 7. ควรมีอุปกรณ์สำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินประจำรถ เช่น
แผ่นสะท้อนแสงแจ้งเหตุฉุกเฉินต้องจอดข้างทาง ไฟฉายกระพริบ
- 8. อุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนยางรถยนต์ควรอยู่ท้ายรถเสมอ
- ตรวจสอบไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ที่ปัดน้ำฝน กระจกหน้า
กระจกข้างว่ายังทำงานปกติหรือไม่
-
ตรวจสอบหน้ายางรถยนต์ว่ามีเศษแก้วเศษหินเกาะอยู่หรือไม่และควรเขี่ยออก
ถ้าเป็นตะปูฝังอยู่ต้องถอนและซ่อมรูที่รั่ว
- ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ อย่าให้ต่ำกว่าขีดต่ำสุดที่กำหนด
หรือปล่อยให้แห้งเพราะจะเกิดอันตราย และอาจจะต้องเปลี่ยนหม้อน้ำตัวใหม่
ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
- ผู้ขับควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก่อนขับรถทางไกล
และไม่ดื่มเตรื่องดื่มแอลกอฮอล์ใดๆก่อนเดินทาง
|
|
การขับรถอย่างถูกวิธี
การขับรถอย่างถูกวิธีจะมีส่วนให้เราสามาถลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
หากเราปฏิบัติตามข้อแนะนำ ต่อไปนี้
1. ไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ก่อนออกรถ
การเร่งเครื่องให้มีความเร็วรอบสุงจะทัาใไอัตราการสิ้นเปลืองนั้ามันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
เพราะเมื่อเครื่องยนต์มีความเร็วรอบสูง
อัตราความต้อวการน้ำมันเชื้อเพลิงจะสูงตามด้วย เมื่อออกรถเราไม่จําเป็น
ต้องเร่งเครื่องยนต์ โดยทั่วไปความเร็วรอบที่เหมาะสมสำหรับการออกรถประมาณ
1,100-1,250รอบต่อนาที |
2.
ไม่ควรติดเครื่องขณะจอดรถคอย
กรณีที่ต้องจอดรถคอยเป็นเวลานาน
ควรดับเครื่องยนต์เพราะจะทําให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์
การติดเครื่องจอดอยู่เฉยๆ เป็นเวลา 5 นาที
จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์ 0.3 ลิตร
3. ขับรถที่ความเร็วเหมาะสม
การขับรถด้วยความเร็วสูงจะต้องใช้ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงตาม
ดังนั้นเราควรควบคุมความเร็วในอัตราที่เหมาะสม คือประมาณ 80
กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขับขี่ความเร็ว 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จะใช้น้ำมันมากขึ้น ประมาณร้อยละ 17 |
4. การใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์
ไม่ควรใช้เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 และเกียร์ 2) ที่ความเร็วรอบสุง
หรือใช้เกียร์สูง (เกียร์ 3, 4, 5 ) ทึ่ความเร็วรอบต่ำ
จะมีผลให้กำลังเครื่องตก และจะสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ
5. การเปิดเครื่องปรับอากาศ
ในการเปิดเครื่องปรับอากาศ
จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 25
ดังนั้นหากเราเปิดใช้
เครื่องปรับอากาศตามความจำเป็นและไม่ปรับให้เย็นมากจนเกินไป
จะสามารถลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงได้เป็นอย่างมาก |
6.
ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
กรณีที่เราบรรทุกน้ำหนักเกินเพียง 50 กิโลกรัม
จะมีผลทำให้ระยะทางที่วิ่งได้ต่อน้ำมัน 1 ลิตร สั้นลง 1 กิโลเมตร
ดังนั้นจึงควรสำรวจดูในรถหากมีสิ่งของที่ไม่จำเป็นควรนำออก
7. เติมลมยางให้เหมาะสม
ตรวจเช็คและเติมลมยางให้เหมาะสมกับขนาดของรถยนต์ หากลมยางแข็งเกินไป
จะทำให้ยางแตกและขับขี่ไม่นุ่มนวล
ในขณะเดียวกันถ้าลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นควรเติมลมยางตาม เกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดจากผู้ผลิต
หากความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดทุกๆ 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 |
8. ตรวจเช็ครถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนด
การตรวจเช็ครถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนด
เป็นการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆของรถยนต์ไม่ให้สึกหรอ
และสามารถใช้งานต่อได้อย่างปลอดภัยและไม่เปลืองน้ำมัน
9. การตกแต่งรถ
การตกแต่งรถบางอย่างเช่น
การขยายหน้ายางล้อใหญ่กว่าขนาดมาตรฐานเดิมจะเป็นการเพิ่มพื้นที่การรับ
น้ำหนักของรถ เมื่อต้องเพิ่มอัตราเร่ง
จะทำให้เครื่องยนต์ใช้ความเร็วรอบสูงกว่าปกติ
เป็นเหตุให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย |
|
ใช้ยางรถยนต์ยังไงให้คุ้มค่าและถูกวิธี
- ตรวจดูการสึกหรอของหน้ายางว่าผิดปกติหรือไม่
ถ้ามีก็อาจเป็นปัญหาที่เกิดกับระบบส่งกําลัง ระบบเบรก ลูกปืน และศูนย์ล้อ
ควรปรึกษาช่างเพื่อทําการซ่อมแซมแก้ไข
- เขี่ยก้อนกรวดเล็กๆหรือตะปูที่ติดค้างในร่องดอกให้หมด
เพราะสิ่งเหล่านั้นจะค่อยๆ เบียดตัวเองลึกลงไปทําให้ยางแตก
หรือรั่วซึมได้ในที่สุด
- หากท่านพบความเสียหายของยาง เช่น มีรอยถูกบาด
หรือตัดจนเห็นโครงยางข้างใน หรือยางถูกกระแทกมาโดยตรง
ให้ปรึกษาช่างเพื่อถอดมาตรวจสอบทันที
เพราะโครงสร้างภายในอาจชํารุดเสียหายไปแล้ว
หากใช้งานต่อไปอาจจะเสียหายรุนแรงได้ ในกรณีที่ยางนั้นต้องซ่อม
ขอให้รีบทําโดยทันที จะช่วยไม่ให้บาดแผลลุกลาม
เพราะฝุ่นหรือนํ้าที่เข้าไปจะทําให้ยางเสียได้
- ตรวจสอบฝาวาล์วของยางแต่ละเส้นว่าปิดสนิทดีแล้ว
และอยู่ในสภาพเรียบร้อยหรือไม่
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลมรั่วซึมออกมาได้
- เมื่อรถเสียต้องถูกลากจูง ให้เพิ่มลมที่ล้อหลัง 3-4
ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
หรือเติมเท่ากับความดันที่ระบุไว้ในช่องบรรทุกเกินพิกัด
- นํ้ามันเชื้อเพลิง นํ้ามันชนิดอื่นๆรวมทั้งสี
อาจเกิดปฏิกิริยากับเนื้อยางได้ โดยเฉพาะนํ้ามันจะทําให้ดอกยางบวม
สึกเร็วผิดปกติและไม่เกาะถนน ให้ล้างออกด้วยนํ้าสบู่
ห้ามใช้พาราฟีนเช็ดออกโดยเด็ดขาด
- ความลึกของดอกยางต้องเหลือไม่น้อยกว่า 2มม.
เพือ่ให้สมรรถนะของยางในหารยึดเกาะถนนยังคงเดิม
ควรเติมลมยางอะไหล่ให้สูงกว่าที่กําหนด 3-4 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
เมื่อนํามาใช้ปล่อยลมให้เหลือเท่าที่กําหนด
- ตรวจหรือเติมลมยางในขณะที่ยางเย็นอยู่เสมอ คือ ขับรถไม่เกิน 2-3 กม.
หรือจอดรถไว้ไม่ตํ่ากว่า 1 ชม. หลังจากใช้งานแล้ว ถ้าจําเป็นต้องเติมลม
เมื่อยางยังร้อนอยู่ ให้เพิ่มความดันลมจากที่กําหนดอีก 3-4 ปอนด์ /
ตารางนิ้ว
- การเข้าโค้งอย่างรุนแรง ออกรถแบบพุ่งกระโจน
หรือวิ่งบนถนนไม่ดีเป็นเวลานานๆ จะทําให้ยางสึกเร็วกว่าปกติ
การวิ่งบนถนนขรุขระเป้นหลุมเป็นบ่อ และสิ่งอื่นๆ บนถนน
อาจทําให้ยางชํารุดได้ เมื่อท่านต้องใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นระยะ ทางไกลๆ
ก็ขอให้ตรวจสอบสภาพยางอีกครั้งหนึ่ง
|
|
home |
|
Tell a friend:
|